จิตกับสมองเป็นคนละส่วนกัน โดยจิตเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ แต่มีอยู่จริง ส่วนสมองเป็นรูปประธรรมที่จับต้องได้พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งความลับเหล่านี้ได้ถูกเปิดเผยด้วยนักวิทยาศาสตร์ทางสมองด้วยเครื่องตรวจสแกนสมองที่ทันสมัย เช่น fMRI, SPECT, PET ซึ่งสามารถบ่งบอกถึงการทำงานของเซลล์สมองในตำแหน่งต่างๆได้ ณ ขณะนั้น
สแกนสมองได้ แล้วถ้าอยากเห็นจิตต้องทำอย่างไร
หมายความว่าถ้าขนาดนั้นจิตมีสภาพเช่นไร สมองส่วนที่รับผิดชอบในสภาพความรู้สึกเช่นนั้นจะเริ่มทำงานให้เห็นทันที โดยผ่านภาพที่สแกนได้จากเครื่องสแกนสมอง ซึ่งการทำงานของเซลล์สมองในตำแหน่งต่างๆ นั้นจะแสดงออกมาในรูปของการสร้างสารเคมีในสมอง ฮอร์โมนควบคุม ระบบกระแสไฟฟ้าประสาท หรือภูมิต้านทานโรค
ปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของสารเคมีในสมอง ฮอร์โมนควบคุมระบบกระแสไฟฟ้าประสาท และภูมิต้านทานโรคนี้เองที่จะไปมีผลต่อการทำงานของอวัยวะและระบบการทำงานต่างๆของร่างกายทั้งหมดให้เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
จิตมีผลต่อสมองได้อย่างไร
พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ในทุกขณะสภาพของจิต ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ย่อมมีผลต่อการทำงานของสมอง และจะส่งผลต่อการทำงานของร่างกายในที่สุด
ดังนั้นถ้าสภาพจิตดี ส่งสัญญาณที่ดีไปที่สมอง สมองก็จะหลั่งสารดีๆ ออกมาควบคุมให้ร่างกายทำงานได้ดี เราก็จะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง เจ็บป่วยน้อยลง หรือถ้าเจ็บป่วยอยู่ก็จะกลับคืนสู่สภาพปกติ (หายจากโรค) ได้เร็วและง่ายขึ้นนั่นเอง
ถึงตอนนี้ความเข้าใจความหมายของประโยคที่ว่า ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว เริ่มกระจ่างชัดและลึกซึ้งมากขึ้น นั่นคือ ใจซึ่งหมายถึงสภาพของจิตนั้น ไม่ได้เป็นเพียงนายคอยสั่งการให้ไกลทำงานไปตามต้องการเท่านั้น แต่มีผลต่อสุขภาพของกายด้วย
และนี่ก็คือความลับอันยิ่งใหญ่ของจิตที่มีความสำคัญยิ่งต่อสรรพสิ่งที่มีชีวิต
ขอบคุณ
หนังสือปรับใจเยียวยากาย Mind-body Medicine, เขียนโดย น.พ. วิโรจน์ ตระการวิจิตร,สุภัฏ สิกขชาติ