น้ำตาลฟรุกโตสกับการเติบโตของมะเร็ง

พบความสัมพันธ์ระหว่างน้ำตาลฟรุกโตสกับการเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำตาลฟรุกโตสที่มาจากน้ำเชื่อมข้าวโพด (Corn syrup) หรือที่เรียกกันว่า แบะแซ ที่มีฟรุกโตสสูง ซึ่งพบได้ทั่วไปในอาหารแปรรูปจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นซอสพาสต้า น้ำสลัด ซอสมะเขือเทศ รวมไปถึงขนมหวานต่างๆ

เมื่อเรารับประทานฟรุกโตส ตับจะเปลี่ยนฟรุกโตสให้กลายเป็นสารประกอบ LPCs ซึ่งเป็นสารอาหารที่เซลล์มะเร็งสามารถนำไปใช้ในการเจริญเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

งานวิจัยชิ้นนึงตีพิมพ์ใน Nature เมื่อวานนี้ โดยนักวิจัยได้ค้นพบข้อมูลใหม่ที่น่าสนใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างน้ำตาลฟรุกโตสกับการเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำตาลฟรุกโตสที่มาจากน้ำเชื่อมข้าวโพด (Corn syrup) หรือที่เรียกกันว่า แบะแซ ที่มีฟรุกโตสสูง ซึ่งพบได้ทั่วไปในอาหารแปรรูปจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นซอสพาสต้า น้ำสลัด ซอสมะเขือเทศ รวมไปถึงขนมหวานต่างๆ

จากการศึกษาวิจัยอย่างละเอียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างฟรุกโตสและการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ทีมวิจัยได้ค้นพบกลไกที่น่าสนใจมาก โดยพบว่าเซลล์มะเร็งไม่สามารถใช้ฟรุกโตสเป็นแหล่งพลังงานได้โดยตรง แต่ต้องผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนในตับก่อน ตับจะทำหน้าที่เสมือนโรงงานแปรรูป โดยเปลี่ยนฟรุกโตสให้กลายเป็นสารประกอบที่เรียกว่า lysophosphatidylcholines หรือ LPCs ซึ่งเป็นสารอาหารที่เซลล์มะเร็งสามารถนำไปใช้ในการเจริญเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การค้นพบนี้ได้รับการยืนยันผ่านการทดลองในห้องปฏิบัติการที่น่าสนใจ เมื่อทีมวิจัยทดลองให้ฟรุกโตสกับเซลล์มะเร็งโดยตรง พวกเขาสังเกตเห็นว่าเซลล์มะเร็งเติบโตช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าไม่ได้รับสารอาหารใดๆ เลย แต่เมื่อทำการทดลองในสัตว์ทดลองที่มีตับทำงานปกติ ผลลัพธ์กลับแตกต่าง โดยเฉพาะในกรณีของมะเร็งผิวหนัง มะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก เมื่อสัตว์ทดลองได้รับอาหารที่มีปริมาณฟรุกโตสสูง เนื้องอกมะเร็งกลับเติบโตเร็วขึ้นอย่างน่าตกใจ ในบางกรณีมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า กระบวนการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากตับมีเอนไซม์พิเศษที่เรียกว่า ketohexokinase-C หรือ KHK-C ซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนฟรุกโตสให้เป็น LPCs ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่เซลล์มะเร็งเองไม่มีเอนไซม์ชนิดนี้ จึงไม่สามารถใช้ฟรุกโตสได้โดยตรง แต่สามารถใช้ LPCs ที่ตับผลิตขึ้นได้เป็นอย่างดี การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างอาหารที่เรารับประทานกับการเติบโตของมะเร็งนั้นซับซ้อนกว่าที่เคยเข้าใจ และบทบาทของตับในการเปลี่ยนแปลงสารอาหารมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตของเซลล์มะเร็ง

สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง การหลีกเลี่ยงอาหารที่มีฟรุกโตสสูงอาจเป็นสิ่งที่ควรพิจารณา แม้ว่าจะทำได้ยากในชีวิตประจำวัน เนื่องจากน้ำตาลชนิดนี้มีอยู่ในอาหารแปรรูปจำนวนมาก นอกจากนี้ ทีมวิจัยกำลังศึกษาเพื่อพัฒนายาที่อาจช่วยยับยั้งกระบวนการเปลี่ยนฟรุกโตสในตับ ซึ่งอาจเป็นแนวทางการรักษามะเร็งรูปแบบใหม่ในอนาคต การค้นพบนี้เป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นว่า การรักษามะเร็งไม่จำเป็นต้องมุ่งเน้นที่การรักษาเซลล์มะเร็งโดยตรงเท่านั้น แต่การควบคุมการทำงานของเซลล์ปกติ (เช่น เซลล์ตับ) ก็อาจช่วยในการรักษามะเร็งได้เช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก